Friday, 19 April 2024, 08:44:20
ยินดีต้อนรับ, Guest
หน้าหลัก » 2013 » March » 14 » ธรรมะจากหมาขี้เรื้อน
12:43:57
ธรรมะจากหมาขี้เรื้อน

ได้อ่านบทความหนึ่งที่ถูกแชร์เป็นทอดๆในเฟสบุก เป็นเรื่องราวได้เปรียบเทียบคนทรนงตนมากเกินไปกับหมาขี้เรื้อน   เมื่อได้อ่านจบแล้ว ทำให้เรารู้ว่าเราเองช่างเหมือนกับหมาขี้เรื้อนจริงๆ  ไปอยู่ที่ไหนก็คิดว่าที่นั้นมันไม่ดีอย่างโน่น อย่างนี้ …..ก็ว่าไป…..ด้วยความที่อยากทำให้ที่ที่เราอยู่นั้น มีสภาพที่ดีขึ้นดีกว่าจากเดิม….ตั้งความหวังไว้สูงเกินไป….สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวังไว้…มันส่งผลกระทบกลับคืนมาทำร้านตนเอง  เก็บมาคิดมากเอง…คิดน้อยใจเอง …เครียจเอง…เกิดความท้อแท้มากมาย……พอได้มาอ่านเรื่องนี้ก็ทำให้รู้ว่ามันอยู่ที่ตัวเราเองทั้งนั้น……ที่ไม่ยอมปล่อยวาง….ลืมไปว่าเราเป็นแค่คนทำงานด้านเอกสารเล็กๆเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นข้าราชการ ที่มีสิทธิ์มีเสียงมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร……

         บทความดังกล่าวมีดังนี้ค่ะ

หมาขี้เรื้อน 
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก 
ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน 
เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้ 
เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว 
ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน 
พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย 
เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน

แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน 
ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด 
และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ 
วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน 
ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง 
เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย 
ไม่รู้จั กใช้เทคโนโลยี่   ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่า 
ท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา

ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป 
ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้ 
โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดี 
ว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น 
ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด 
มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู 
นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน 
นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ

อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา 
ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง 
วันๆไม่เห็นท่านทอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ 
ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน 
การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเ ป็นคน 
จัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา 
เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย 
รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว 
ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก 
อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้ 
หลวงพ่อเจ้าอาวาส 
มีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น 
และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง 
ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า

เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ 
หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย 
ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อย 
ทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน 
อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา 
แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง 
ที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่อยู่ ใกล้ๆ

เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือน ตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน 
คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่น ไป มาทั้งวัน 
เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้ 
อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม 
เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ 
หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน 
สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี

คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน 
แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที 
เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า 
เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่ 
แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก 
พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่า ได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตร 
สวดมนต์เย็นแล้ว

ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น 
ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย 
นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู 
ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอใน หัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง

นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน 
จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน 
จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง 
เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัวท่านก็ยังไม่ยอมสึก

” อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อน 
ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา ” 
โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย 
แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า 
หมาขี้เรื้อน ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ 
ถ้าเรา ยังเป็น โรค อยู่ในใจ ไม่ว่าเราย้ายงาน ไปที่ไหน 
เราก็บ่นว่าสถานที่เหล่านั้น สกปรก สิ้นดี

*********************************************************** 
ขอบุญจากธรรมทานนี้จงถึงแก่นายเวรและผู้ปกปักรักษาดูแลช่วยเหลือข้าพเจ้าและครอบครัว 
ที่มาถึงตัวทุกภพภูมิ 
ขอบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบัน 
หากไม่ถึงเพียงใดให้ขอให้คำว่าไม่ม ี ไม่รู้ในสิ่งที่ดี 
จงอย่าได้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า 
ขอให้เกิดในภพภูมิ เขต ประเทศที่มีพระพุทธศาสนาประดิษฐานอย่างมั่นคง 
และได้ศึกษาพระธรรม 
ได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ ลึกซึ้ง ตลอดจนกว่าจะเข้าพระนิพพานด้วยเทอญ

 

หมาขี้เรื้อนเปลี่ยนคนใจดำ

 

 

 

 

 

เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง
หมาขี้เรื้อน เปลื่ยนคนใจดำ

เรื่อง มีอยู่ว่า.. พี่ชิตแกเป็นคนใจดำครับ ชอบยิงนกตกปลาไปเรื่อย
แต่ที่หนักก็คงเป็นเนื้อหมา แกกินแหลกครับแต่ แม่แกบอกมันบาปนะลูก(ไม่สนโว้ย)

เมื่อราว 15 ปีก่อน มีเหตุการณ์ที่ทำให้แกเปลี่ยนไป
ครั้งนั้นมีหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งครับมันมักวิ่งไปหาของกินแถวๆบ้านแกบ่อย
เพราะบ้านแกติดตลาด พี่แกกินหมาอยู่บ่อย ๆ แต่กรณีหมาขี้เรื้อนแกบอก ‘กินไม่ ลงว่ะ’
แกทำอย่างเดียวคือไล่ฆ่า แต่มันรอดได้ทุกครั้ง (สงสัยมีของ)
มันไปหาของกินบางทีก็ได้บางทีก็ไม่ได้ คราวนั้นเนื้อแห้งที่แกตากไว้หายไป
พอมองไปก็เห็นแม่หมาขี้เรื้อนวิ่งหลุน ๆ ไปแกเดือดทันทีครับวิ่งตามไป
คราวนี้ทันครับเพราะหมาขี้เรื้อนวิ่งช้ามาก แกทุบไปทีเดียวหมานั่นล้มลงชักทันที
(แกบอกว่าหากตีตรงจุด แค่ใช้ไม้บรรทัดก็ตาย)
แกทิ้งไว้ตรงนั้นไม่อยากจับแต่จะทำกินตรงนั้น
จึงกลับบ้านไปเตรียมของ (แค้นจัดอยากกินหมาขี้เรื้อน) ให้ผมเฝ้าไว้
ผมก็มัวแต่เก็บตะขบจนลืมดู (ในใจอยากให้มันรีบไปจะได้ไม่ตาย)
มันไปจริงครับหายวับไป พี่ชิตแกโกรธมากคงอยากเตะผมเต็มแก่
แต่ลุงผม แกเป็นนักเลงใหญ่และเป็นคนสอนวิธีฆ่าหมาให้
ก็ต้องวิ่งตามอย่างเดียวพร้อม บ่น ” ทำไมมันไม่ตายวะ "
พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงหมาเห่าแกตามทันทีพอไปถึง ภาพที่เห็น ……………………………………….
หมาขี้เรื้อนกำลังจะตายมันมีลูกที่ต้องเลี้ยง 5 ตัวครับ วัยกำลังหย่านมบางตัวยังกินนมอยู่
บางตัวก็วิ่งไปคาบเนื้อที่แม่หมาขี้เรื้อนคาบไปฝาก (เห็นกับตา)
ที่มันยังไม่ยอมตายเพราะต้องกลับไปให้นมลูก
แม้น้ำนมแห้งกรัง เอาอาหารไปให้ลูกมัน เรียกลูกๆเพื่อให้นม
ให้อาหารเป็นครั้งสุดท้าย แม่หมาพยายามอย่างดี ที่สุด

หมวด: บทความประทับใจ | Views: 1536 | เพิ่มโดย: jatuporn | Tags: ธรรมะจากหมาขี้เรื้อน | Rating: 0.0/0
คอมเม้นทั้งหมด: 0
ComForm">
avatar