แนวปฏิบัติสำหรับสถานศึกษาในการขอรับเงินอุดหนุนทางการศึกษาเพื่อขอรับ

หรือซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา

ตามกฎกระทรวงฯ

ให้สถานศึกษาดำเนินการดังนี้

๑. ศึกษาระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาให้กับผู้ที่มีความบกพร่อง โดยเฉพาะแบบคัดกรองบุคคลที่มีความบกพร่องหรือมีความต้องการจำเป็นพิเศษทางการศึกษา การจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล คู่มือการขอรับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา คู่มือรายการสิ่งอำนวยความสะดวก ฯ การสมัครเป็นหน่วยบริการการสมัครเป็นผู้ให้บริการ ฯลฯ

๒. แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหรือประเมินคัดกรอง/คัดแยก เด็กที่คาดว่าจะมีความบกพร่องรือ มีความต้องการจำเป็นพิเศษทางการศึกษา

๓. ในกรณีที่ไม่มีสมุดประจำตัวคนพิการ หรือเอกสารรับรองความพิการจากแพทย์ ให้จัดทำแบบรับรองบุคคลของสถานศึกษาว่าเป็นคนพิการ เสนอคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของสถานศึกษา หรือคณะกรรมการที่เรียกชื่ออย่างอื่นเพื่อรับรองบุคคลของสถานศึกษาว่าเป็นคนพิการ (เฉพาะครั้งแรกเท่านั้น และส่งต่อให้แพทย์วินิจฉัยเพื่อการรับรองในครั้งต่อไป)

๔. แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล และร่วมประชุม พร้อมลงนามในแผนการะจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล

๕. รับแบบคำขอสิ่งอำนวยความสะดวกฯ (คป.๐๑) ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐานประกอบการขอรับหรือซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทาง การศึกษา และลงนามรับรองในแบบคำขอ

๖. รวบรวมแบบคำขอและเอกสารหลักฐานส่งศูนย์การศึกษาพิเศษ ได้แก่

- แบบคำขอสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา (คป. ๐๑)

- แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล

- สำเนาสมุดประจำตัวคนพิการ หรือเอกสารรับรองความพิการจากแพทย์ หรือใบรับรอง

บุคคลของสถานศึกษาว่าเป็นคนพิการ (คป.๐๔) ตามประกาศของคณะกรรมการพิจารณาให้คนพิการได้รับสิทธิช่วยเหลือทางการศึกษา เรื่อง กำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการรับรองบุคคลของสถานศึกษาว่าเป็นคนพิการ

ภาคเรียนที่หนึ่ง ให้ส่งภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน สถานศึกษาใดที่ส่งหลังวันที่ ๓๐ มิถุนายน ให้ไปพิจารณารวมกับแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลในภาคเรียนที่สอง

ภาคเรียนที่สอง ให้ส่งภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน สถานศึกษาใดที่ส่งหลังวันที่

๓๐ พฤศจิกายน อาจถูกตัดสิทธิในการขอรับเงินอุดหนุนตามระบบคูปองของปีการศึกษานั้น

๗. เมื่อสถานศึกษาได้รับคูปองแล้ว ให้จัดส่งคูปองให้คนพิการหรือผู้ปกครอง ภายใน ๑๐ วันทำการนับตั้งแต่ได้รับคูปองจากศูนย์การศึกษาพิเศษ และรายงานการจ่ายคูปองไปยังศูนย์การศึกษาพิเศษ (คป.๐๒)กรณีที่ไม่มีผู้รับคูปองให้นำส่งคืนศูนย์การศึกษาพิเศษ

๘. ในกรณีผู้ขอรับเงินอุดหนุนทางการศึกษาไม่ได้รับอนุมัติเงินอุดหนุนทางการศึกษา ให้หัวหน้า

สถานศึกษาชี้แจงเหตุผลต่อคนพิการ/ ผู้ปกครอง ตามที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ ได้แจ้งไปยังสถานศึกษา

๙. สถานศึกษาสมัครเป็นหน่วยบริการ (คป.๑๐) และส่งเสริมให้บุคลากรในสังกัดที่มีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติตรงตามคู่มือรายการสิ่งอำนวยความสะดวกฯ สมัครเป็นผู้ให้บริการในสังกัดหน่วยบริการของตนหรือหน่วยบริการอื่น (คป.๑๓)

๑๐. กรณีที่สถานศึกษาเป็นหน่วยบริการ ให้ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากเอกสารหน้า ๕๓ - ๕๔

๑๑. รายงานผลการตรวจสอบการดำเนินงานการให้บริการขอรับเงินอุดหนุนทางการศึกษาเพื่อขอรับหรือซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา โดยใช้ระบบ

คูปอง ให้ศูนย์การศึกษาพิเศษทราบ

            เกณฑ์การพิจารณาอนุมัติ

๑.กรณีเอกสารหลักฐานไม่สมบูรณ์ ให้ศูนย์การศึกษาพิเศษประสานกับสถานศึกษา คนพิการหรือผู้ปกครองแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องครบถ้วนโดยเร็ว

๒. การพิจารณาจัดลำดับความต้องการจำเป็นพิเศษทางการศึกษาของเด็กพิการแต่ละบุคคลให้

บริสุทธิ์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยให้ความเป็นธรรมแก่เด็กพิการที่มีความจำเป็นจริงๆ ก่อนเพราะการจัดสรรงบประมาณของสำนักงบประมาณนั้น จัดให้คนพิการได้รับคูปองเพียงร้อยละ๒๕ ของเด็กพิการที่ทำ IEP เท่านั้น และมีข้อควรคำนึงดังนี้ คือ ให้การขอรับหรือซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการเป็นอันดับแรก ส่วนการให้บริการสอนเสริมของเด็กพิการประเภทอื่นๆให้เป็นลำดับถัดมา สำหรับการให้บริการสอนเสริมของเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ให้พิจารณาไว้ในลำดับต่อไป

๓. สถานศึกษาใดขอคูปองการสอนเสริมให้เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้มาทั้งสถานศึกษาให้จัดไว้ในอันดับท้ายสุด

๔. จำนวนเงินอุดหนุนสิ่งอำนวยความสะดวกสื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษาที่ได้รับในแต่ละปีงบประมาณให้เฉลี่ยอย่างทั่วถึง ซึ่งอาจไม่ถึงสองพันบาทต่อคนต่อปีการศึกษา

(สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครพนม  เบอร์โทรศัพท์   ๐ – ๔๒๕๑ – ๖๒๙๐ และ      ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติมได้ที่  www.nakhonphanomspecial.com  )