Friday, 22 November 2024, 11:27:55
ยินดีต้อนรับ, Guest
หน้าหลัก » 2012 » April » 24 » วิธรการ ดีทอกซ์ ล้างพิษ
17:07:36
วิธรการ ดีทอกซ์ ล้างพิษ

กระแสนิยมของการรักสุขภาพของผู้คนในยุคปัจจุบันทั้งในโลกตะวันออกและตะวันตกนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้ประชากรมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุยืนยาว ความรู้เรื่องการล้างพิษของร่างกายมีมากมาย มีทั้งน่าสนับสนุนและน่าเป็นห่วง จึงขอนำรายละเอียดทางวิชาการและข้อคิดจากแพทย์ นักวิทยาศาสตร์มาเล่าสู่กันฟัง

ที่มาของ ‘สารพิษ'

              ศตวรรษที่ 20 นับเป็นช่วงเวลาที่สังคมให้ความสนใจเรื่องสารพิษที่มีผลต่อสุขภาพคนเรามากมายอย่างชนิดที่ไม่เคยมีในอดีต เนื่องจากทุกวงการไม่ว่าจะเป็นวงการแพทย์และอุตสาหกรรมทุกชนิด มีการใช้สารเคมีชนิดคิดค้นได้ใหม่ๆที่แรงขึ้น เข้มข้นขึ้น มีผลทำให้สิ่งแวดล้อมทั้งในอากาศและน้ำเกิดมลภาวะ รังสียูวีที่ตกถึงโลกมากขึ้น สังคมมีการวิจัยยาใหม่ๆ สารเคมีใหม่ๆ ไอทีแปลกใหม่และรวดเร็ว ผู้คนในสังคมมีการบริโภคทุกอย่างมากขึ้นทั้งจำนวนและชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เช่น อาหารจานด่วน ทั้งไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า โดนัท ไอศกรีม สารพัดเค้ก รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล ผู้คนในสังคมอยู่ในกระแสสังคมวัตถุนิยมที่มีภาวะเร่งรีบทุกวัน ต้องออกจากบ้านแต่เช้าตรู่แต่กลับบ้านค่ำ คร่ำเคร่งกับงานที่รีบเร่ง มีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ อาหารที่รับประทานส่วนใหญ่อาศัยจากอาหารจานด่วนหรืออาหารถุง หาซื้อจากร้านค้า ริมถนน และถ้ามีเงินมากเป็นเศรษฐีก็นิยมกินตามห้องอาหารในโรงแรม ผลลัพธ์ที่ได้ไม่แตกต่างกันมากนักในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีหรือคนกินเงินเดือนคือ ร่างกายอ่อนเพลียจากความเร่งรีบ การทำงานที่เคร่งเครียด รับประทานอาหารที่ทิ้งโทษสะสมไว้ในร่างกาย สิ่งแวดล้อมทั้งในอากาศและน้ำเป็นพิษจากอุตสาหกรรม สังคมบังเกิดโรคระบาดชนิดใหม่ๆ ทั้งกับคนและสัตว์ นักวิทยาศาสตร์ต้องเร่งคิดค้นสารเคมีและตัวยาที่ใหม่ขึ้นและแรงขึ้นในการบำบัด นอกจากนี้ยังปรากฏพบทั่วไปว่าคนรอบข้างมีสถิติล้มตายด้วยโรคมะเร็ง หัวใจ โรคอ้วน โรคเครียด รวมทั้งโรคผิวหนังมากขึ้น

         สารพิษจากทั้งภายนอกและภายในร่างกายจึงสะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน จากการหายใจเข้าไป จากการกิน และจากการสัมผัส 

วิธีกำจัดสารพิษจากร่างกาย

          ร่างกายมนุษย์ในสภาวะแข็งแรงไม่เป็นโรคอาจเปรียบเหมือนโรงงานที่มีระบบการทำงานสมบูรณ์แบบ เมื่อมีอาหารผ่านเข้ากระเพาะอาหาร จะมีน้ำย่อยถูกขับออกมาย่อยอาหารก่อนการดูดซึม ส่วนกากอาหารจะถูกนำส่งไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อขับออกรวมกับของเสียอื่นๆจากร่างกายผ่านตับและไต ระบบลำไส้ยังมีเชื้อจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในระบบเป็นประจำเพื่อคอยปราบเชื้อจุลินทรีย์ที่แปลกปลอมเข้าไป ส่วนตับจะคอยจับสารพิษที่หลุดรอดเข้าไปโดยไปรวมกับเอนไซม์จากตับ จากนั้นจะถูกกรองทิ้งไปที่ไต ขบวนการสุดพิเศษที่ธรรมชาติให้มนุษย์เรามานั้นสามารถกำจัดและล้างพิษจากร่างกายเราโดยอัตโนมัติ

              ในสภาวะสังคมที่เร่งรีบ เคร่งเครียด และเต็มไปด้วยการแข่งขัน ร่างกายอ่อนแอและรับสารพิษทั้งจากการบริโภคอาหารส่วนเกิน อาหารที่สักแต่ว่าอร่อยและอิ่มท้อง แต่ทิ้งสารพิษสะสมไว้ทุกวัน รวมทั้งสารพิษจากสิ่งแวดล้อม และสารพิษ หรือ ‘อนุมูลอิสสระ' ที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกายในสภาวะที่ร่างกายอ่อนแอ ระบบอัตโนมัติของร่างกายในการกำจัดสารพิษอาจทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือทำงานจนอ่อนแรง ทำให้กำจัดพิษออกจากร่างกายไม่หมด ก่อให้เกิดโรคต่างๆขึ้นได้

            การล้างพิษจากตับด้วยกาแฟ และการล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำ (Colon hydrotherapy) 
นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ยุคใหม่กลุ่มหนึ่งคิดค้นวิธีช่วยให้คนเราสามารถล้างพิษจากตับเราเองได้ โดยหลักการคือต้องการป้องกันตับให้ปลอดภัยจากสารพิษที่สะสมและตกค้างมากเกินไป ไม่ว่าจะผู้ที่เป็นโรคที่ต้องรับประทานยาแรงๆมากๆติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือสำหรับผู้ที่ประสงค์จะรักษาสุขภาพให้แข็งแรงป้องกันจากโรคภัยทั้งหลาย หลักการคือการสวนลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำกาแฟ สารกาแฟอินน์และสารอัลคาลอยด์จากกาแฟจะผ่านท่อเชื่อมจากลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง (Sigmoid colon) ไปยังตับ จับกับสารพิษทั้งหลายในตับรวมทั้งเอนไซม์จากตับเอง กำจัดทิ้งในลำไส้ใหญ่และกำจัดออกจากร่างกายในที่สุด วิธีนี้นิยมทำกันมาช้านานโดยนักวิชาการทางการแพทย์บางกลุ่มเชื่อว่าเป็นการล้างพิษจากร่างกายที่ได้ผลและทำให้ร่างกายมีอายุยืนยาวขึ้น ผิวพรรณผุดผ่อง การสวนลำไส้ใหญ่ด้วยกาแฟมักจะแนะนำให้ทำอย่างสม่ำเสมอเดือนละหนึ่งครั่ง

              ส่วนการล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำสะอาด เนื่องจากนักวิชาการกลุ่มนี้เชื่อว่าทุกวันนี้ผู้คนในเมืองหลวงส่วนใหญ่มีชีวิตที่เร่งรีบ เครียด ทำให้เป็นโรคท้องผูก มีการสะสมอุจจาระและของเสียมากในลำไส้ใหญ่ อาจเป็นที่มาของการเกิดมะเร็งลำไส้ จึงได้คิดค้นวิธีล้างลำไส้ใหญ่ให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วยการฉีดน้ำสะอาดเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ในปริมาณมากเท่าที่แต่ละคนจะทนรับได้ ปล่อยเวลาให้น้ำอยู่ในลำไส้ใหญ่สักพัก 1-10 นาที จึงปล่อยทิ้ง ทุกครั้งที่ปล่อยน้ำทิ้ง อุจจาระและของเสียที่เกาะอยู่ตามผนังลำไส้จะถูกขับออก ทำเช่นนี้เป็นระยะเวลา 30-40 นาทีต่อการล้างพิษหนึ่งครั้ง

              นอกจากนี้ยังมีอาหารเสริมสารพัดชนิดรวมทั้งสมุนไพรหลากหลายที่ถูกนำมาวางจำหน่ายในท้องตลาด โดยอ้างสรรพคุณที่สามารถล้างพิษจากร่างกายได้ ทำให้โรคหนักที่ร้ายแรงบรรเทาลงและช่วยให้คนปกติแข็งแรง ชะลอวัยมีผิวพรรณสะอาดสดใสเปล่งปลั่ง ยังไม่รวมถึงอุปกรณ์ไฮเทคที่ใช้ห่อรัดเอว ตะโพกและส่วนอื่นๆที่ประชาสัมพันธ์ว่าสามารถล้างพิษจากร่างกายได้

อันตรายของการล้างพิษ

                วิธีคิดรวมถึงขบวนการล้างพิษด้วยการสวนกาแฟ การล้างลำไส้ใหญ่ และด้วยรูปแบบอื่นๆได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วโลกมากมาย ว่าไม่เหมาะสมและเป็นอันตรายได้ถึงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวนสำไส้ใหญ่ด้วยน้ำกาแฟล้างพิษจากตับ หรือการล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำสะอาดเพื่อขับอุจจาระและของเสีย พบว่าผู้คนที่ผ่านการบำบัดเช่นนี้ส่วนใหญ่จะเกิดอาการท้องผูก ไม่สามารถขับถ่ายเองได้ เพราะขบวนการล้างพิษนั้นเปรียบเสมือนยาถ่ายดี ๆ นี่เอง หากใช้เป็นประจำ ลำไส้จะเคยชินและตอบสนองช้า ทำให้กล้ามเนื้อและการบีบตัวของลำไส้ถดถอย ทำงานเองไม่ได้ต้องพึ่งพาวิธีสวน เป็นการเพิ่มภาระเพิ่มปัญหาต่อผู้บริโภค

             อันตรายที่น่าเป็นห่วงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวนลำไส้ทำให้เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายหากอุปกรณ์ไม่สะอาด อาจถึงตายได้ อันตรายมากต่อผู้บริโภคที่เป็นโรคหัวใจ โรคความดัน และโรคลำไส้อักเสบ บางรายลำไส้เกิดทะลุระหว่างการล้างพิษเนื่องจากไม่ทราบว่าตนเองมีปัญหาลำไส้อักเสบและผนังลำไส้บาง ขบวนการเหล่านี้นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ไม่แนะนำให้นำมาใช้กับคนปกติเพียงเพื่อต้องการรักษาสุขภาพเท่านั้น เพราะมีวิธีอื่นมากมายในการรักษาสุขภาพ แม้แต่คนป่วยด้วยโรคร้ายแรงเช่นมะเร็ง หรืออื่น ๆ แพทย์ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าวิธีการล้างพิษต่าง ๆ ไม่สามารถช่วยบรรเทาโรคได้นอกจากทำให้คนป่วยเสียเงินและอาจเสียโอกาสที่จะบำบัดด้วยวิธีการและหลักการแพทย์ที่ถูกต้อง

การป้องกันตนเองจากสารพิษที่พึงปฏิบัติ

           นักวิทยาศาสตร์การแพทย์รวมทั้งแพทย์นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศให้ความเห็นตรงกันว่าร่างกายคนเรามีระบบอัตโนมัติในการกำจัดของเสียจากร่างกาย และทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุล ดังนั้นการล้างพิษและล้างลำไส้จึงไม่จำเป็น วิธีการป้องกันตนเองจากสารพิษทำได้ด้วยการกินอยู่ที่เรียบง่าย ให้เวลากับตนเองได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ทุกวัน รับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ มีผักสดและผลไม้มากๆ ดื่มน้ำมากๆวันละหลายๆแก้วใหญ่เพื่อช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวและขับออกง่าย ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะตามวัยอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้น้ำเหงื่อคายออกที่ผิวหนัง ช่วยให้ผิวพรรณสะอาด และควรขับของเสียจากจิตใจด้วยการนั่งสมาธิ จะช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง คลายเครียดจากหน้าที่การงาน รวมทั้งการพักผ่อนด้วยการเดินทางกับครอบครัวในวันหยุดเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ การจะใช้บริการอโรม่าเทอราปี หรือการบำบัดด้วยการนวดตัวและกลิ่นหอมของสมุนไพรก็นับว่าเป็นการคลายเครียดทั้งใจและกายได้เช่นกัน ก็ไม่เสียหายเพียงเสียเงินเพิ่มเท่านั้นแต่ก็ปลอดภัยกว่าการล้างพิษด้วยวิธีที่กล่าวข้าง

วิธีที่  1

วันที่ 1 ทานผลไม้เท่านั้น ไม่จำกัดจำนวน ให้เน้นเฉพาะแตงโมและแคนตาลูป (ขอบอกว่าทรมานโคตรๆ เพราะไรรู้มั๊ย พอเราทานผลไม้เค้าไปมากๆ มันจะเบื่อทำให้ไม่อยากทาน และมันหิว! หิว! หิว! ถ้าทนได้ก็ไปโลด)

วันที่ 2 ทานผักเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผักสด หรือนำไปปรุงถ้าจะผัดให้ใส่น้ำมันน้อยๆ ห้ามใส่มะพร้าว หรือน้ำกะทิ มื้อเช้าให้ทานหัวมันฝรั่งต้มผลใหญ่ๆ (ไม่สามารถแนะนำอะไรได้ จิงๆก็รอให้ถึงวันนี้เพราะคิดว่าไม่น่าจะทรมาน เพราะชอบกินผัก แต่มันดันทนไม่ไหวตั้งแต่วันแรก แห่ะๆ)

วันที่ 3 ทานได้ทั้งผักและผลไม้ ไม่จำกัดจำนวนแต่ให้งดกล้วยและมันฝรั่ง (เพื่อนทำได้ถึงวันที่ 3 ลดไป 2 กิโล!)

วันที่ 4 ทานกล้วย 8 ใบ กับนม 3 แก้ว ถ้าหิวให้ทานซุปผัก หรือแกงจืดผัก (จริงๆ ตั้งใจไว้ว่าถ้ามาถึงวันนี้จะกินจับฉ่าย หรือไม่ก็ต้มมะระ แต่... แง... มาไม่ถึง - เพื่อนบอกว่าวันนี้ดีมาก เพราะสารจากกล้วยทำให้อารมณ์ดี)

วันที่ 5 วันนี้อนุญาตให้ทานข้าวได้ 1 ถ้วย กับมะเขือเทศ 6 ผล และวันนี้ให้ดื่มน้ำ 12 แก้ว เพื่อชำระกรดยูริคส่วนเกินออกจากร่างกาย (เคยคิดว่าไม่น่ายาก เพราะชอบกินมะเขือเทศ แต่... ข้าน้อยผิดไปแย้วววว)

วันที่ 6 ทานข้าว 1 ถ้วย กับผักชนิดใดก็ได้ ทั้งสดและปรุงตามต้องการ (แง๊... วันหลังๆ ไม่เห็นยากเลย)

วันที่ 7 ทานข้าว 1 ถ้วย กับผักชนิดใดก็ได้ ทั้งสดและปรุงตามต้องการ และน้ำผลไม้ดื่มได้ไม่อั้น

วิธีที่  2

การทำดีทอกสามารถทำเองได้ที่บ้าน ราคาประมาณกล่องละ 130 บาท มีถุงน้ำเกลือ กาแฟ2ถุง เจลหล่อลื่น 
ขั้นแรก นำกาแฟไปต้มกับน้ำ 1 ลิตรพอเดือดให้กรองเอากากกาแฟออก
ขั้นที่2 นำกาแฟที่ได้ไปผสมน้ำเย็นเล็กน้อย
ขั้นที่3 ใส่กาแฟที่เย็นแล้วลงในถุงน้ำเกลือให้ได้ประมาณ1000-1200 cc.
ขั้นที่4 นำเจลหล่อลื่นมาทาตรงปลายสายน้ำเกลือแล้วค่อยๆสอดสายน้ำเกลือเข้าทางทวารให้ลึกประมาณ 2 นิ้ว
ขั้นที่5 รอจนกว่ากาแฟจะไหลเข้าลำไส้จนหมด หลังจากนั้นค่อยๆถอดสายน้ำเกลือออก อั้นไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงเข้าห้องน้ำตามปกติ 
*ทำครั้งแรกก็กลัวเมือนกันโดยเฉพาะตอนสวนทวารจะรู้สึกเจ็บแต่พอสอดเข้าไปประมาณ 2 นิ้วแล้วก็ไม่เจ็บ แต่จะรู้สึกว่าปวดท้องอุจจาระ แต่ต้องอั้นไว้ ไม่งั้นถ้าไปถ่ายเลยจะมีแต่น้ำกาแฟออกมา แนะนำให้ทำตอนเย็นนะคะ
ตอนนี้ทำทุกวันแต่ก็ไม่รู้สึกเจ็บ เหมือนครั้งแรก เมื่อทำเสร็จจะไม่รู้สึกอยากอาหาร จึงแนะนำให้ทำตอนเย็นจะได้ลดน้ำหนักไปในตัวด้วยครับ

ดีท็อกซ์ลำไส้คืออะไร 

การดีท๊อกซ์ (Detox) เป็นการทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรก ของเสีย กากอาหาร รวมทั้งสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ให้หมดไป เนื่องจากของเสียเหล่านี้ มักถูกขับถ่ายออกได้ไม่หมด เพราะลำไส้ของเรายาวหลายเมตร ทั้งยังขดตัวไปมาไม่ว่าเรารับประทานอะไรเข้าไปล้วนมีโอกาสติดค้างอยู่ในลำไส้ทั้งสิ้น 

อาหารที่รับประทานเข้าไปแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 

- อาหารที่มีเส้นใยมาก ได้แก่ ผัก ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ 
- อาหารที่มีเส้นใยน้อยหรือไม่มีเลย เช่น เนื้อสัตว์ ไขมัน แป้งขัดขาว ฯลฯ 

                 ในแต่ละวันการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ควรรับประทานอาหารจำพวก ผัก ผลไม้ 80% และควรรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ 20% แต่ในกิจวัตรประจำวันทำได้น้อยมาก สำหรับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เมื่อย่อยแล้วจะจับตัวกันจนเหนียว ทำให้เคลื่อนผ่านลำไส้ลำบาก และเกาะติดอยู่ตามผนังลำไส้ ไม่ยอมเคลื่อนตัวเข้าสู่ระบบขับถ่ายตามปกติ ทำให้เกิดอาการท้องผูก ถ่ายลำบาก และกากอาหารที่เกาะติดตามผนังลำไส้เหล่านี้เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียก่อให้เกิดการบูดเน่า เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่าง ๆ เช่น โรคทางเดินอาหาร ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ ผายลมบ่อย อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย ลำไส้ใหญ่อักเสบ จนถึงการมีกลิ่นปาก กลิ่นลมหายใจเหม็น แผลในปาก ลมพิษ หอบหืด และโรคภูมิแพ้ ฯลฯ ด้วยเหตุนี้การล้างลำไส้จึงเป็นแนวทางในการล้างพิษออกจากร่างกาย 

นวัตกรรมใหม่ของการดีทอกซ์ Phyto Fiber เป็นธัญพืชสมุนไพรจากธรรมชาติ 100% เป็นการล้างพิษแบบธรรมชาติบำบัด ง่าย ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา ไม่ต้องสวนทวาร สะดวก ปลอดภัย ไร้สาย ไร้กังวล และเห็นผลจริง 


ทำไมต้องดีท็อกซ์ 

             การล้างลำไส้ จะช่วยทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรก ของเสีย กากอาหาร รวมทั้งสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ให้หมดไป เนื่องจากของเสียเหล่านี้มักถูกขับถ่ายออกได้ไม่หมด จึงตกค้างอยู่ในลำไส้ บางครั้งจะเกาะติดอยู่ตามผนังของลำไส้เป็นตะกรัน สิ่งเหล่านี้จะเป็นผลร้ายต่อร่างกายจนทำให้เกิดอาการต่างๆของโรคเช่น ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายยาก ถ่ายไม่ออก ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อยๆ ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นประจำ ปวดศีรษะ คลื่นเหียนอาเจียน เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย ปากเหม็น ปากเปื่อย มีกลิ่นตัวแรง เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง มีผื่นคันขึ้นตามตัว เป็นแผล เป็นฝีบ่อยๆ มีอาการหอบหืด ภูมิแพ้ เป็นลมพิษได้ง่าย ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อ ตามกระดูก ตลอดจนรูมาตอยด์ ริดสีดวงทวาร มะเร็งลำไส้ และมะเร็งตับ เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคหรือมีอาการดังกล่าวนี้ จึงควรได้รับการล้างลำไส้ เพื่อขจัดของเสียและสารพิษที่คั่งค้างออกจากร่างกาย ทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงของโรคด้วย

 

รายงานทางการแพทย์ การดูแลรักษาสุขภาพรูปแบบใหม่คือ การใส่ใจในลำไส้ 

90% ของความเจ็บป่วย มีต้นเหตุมาจากลำไส้ 

มนุษย์ทุกเพศทุกวัย ตื่นเช้าขึ้นมาสิ่งแรกที่ต้องทำและต้องทำทุกวันเป็นกิจวัตร ก็คือ อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน สระผม เพื่อทำความสะอาดและชำระสิ่งสกปรกภายนอกร่างกาย แต่ที่สำคัญมากไม่แพ้กัน ก็คือ การทำความสะอาดภายใน ส่วนมากเรากลับมองข้ามไป ตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันเราเคยชำระล้างภายในบ้างหรือไม่ ในอดีดที่ผ่านมาอายุเรายังน้อยร่างกายยังแข็งแรง อวัยวะทุกส่วนทำงานได้ตามปกติ สามารถกำจัดและขับสารพิษได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายเสื่อมลง ระบบต่างๆทำงานได้ไม่เต็มที่ การกำจัดสารพิษทำงานได้น้อยลง ร่างกายเริ่มอ่อนแอ เช่น เริ่มปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย จนกระทั่งลุกลามใหญ่โตเป็นโรคร้ายเกินการควบคุม หยุดพักสักนิดให้เวลากับชีวิต โดยการล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย เช่น อาหาร อากาศ น้ำ สารเคมีต่างๆที่เป็นพิษ 

ดีท็อกซ์มีประโยชน์และผลดีอย่างไร 

1. ช่วยทำความสะอาดลำไส้ และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย สารพิษต่างๆจะถูกชะล้างออกไป ลดการสะสมของสารพิษ เมื่อสารพิษเหล่านี้ถูกกำจัดออกไป ลำไส้จะสามารถทำงานได้ตามปกติ 

2. เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลำไส ้ ของเสียที่ตกค้างมีผลทำให้ลำไส้อ่อนแอลง และทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ การล้างลำไส้จึงเป็นการช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้อลำไส้ให้ทำงานได้มากขึ้น กล้ามเนื้อลำไส้ที่แข็งแรงและทำงานได้อย่างเป็นจังหวะ จะช่วยทำให้การผลักดันของของเสีย เช่น กากอาหาร และอุจจาระออกจากลำไส้ได้เร็วขึ้น ไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษ 

3. ทำให้ลำไส้มีขนาดเป็นปกติ เมื่อลำไส้ทำงานอย่างผิดปกติ จะส่งผลให้โครงสร้างและขนาดลำไส้เปลี่ยนไป ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆตามมา การล้างลำไส้ ช่วยให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนตัว ช่วยลดอาการบวมหรือโป่งพองของลำไส้ อันเนื่องมาจากการที่มีของเสียอุดตันบริเวณนั้น ทำให้ลำไส้มีรูปร่างปกติตามธรรมชาติ การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ อาจทำให้ลำไส้กลับคืนสู่รูปทรงปกติได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น 

4. กระตุ้นจุดตอบสนองของระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งอวัยวะทุกส่วนจะมีการทำงานเชื่อมต่อกับลำไส้โดยจุดตอบสนอง การล้างลำไส้เป็นการช่วยกระตุ้นจุดที่ว่านี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวม เช่น ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลือง และการหมุนเวียนของเลือด เป็นต้น 

คนที่มีสุขภาพดี อึควรมีลักษณะดังต่อไปนี้ 

- ถ่ายง่ายสะดวก 
- ลอยน้ำ 
- กลิ่นไม่เหม็น 
- เส้นกลมนิ่มยาว 
- สีเหลืองทอง 

สารพิษที่ตกค้างสะสมในร่างกาย มักจะเกิดอาการดังต่อไปนี้ 

-ปวดศีรษะบ่อย หงุดหงิด ปวดเมื่อยหลัง ไหล่ และคอ 

-มีแผลร้อนใน ในปากเป็นประจำ และระบบเผาผลาญทำงานได้น้อย ทำให้ร่างกายอ้วน 

-อ่อนเพลีย ง่วงนอน สมาธิไม่ดี ความจำเสื่อม 

-ประสาทตึงเครียด ร่างกายไม่แข็งแรง เซ็กซ์เสื่อม 

-หน้าตาหมองคล้ำ ผิวพรรณหยาบกร้าน 

-ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายยาก หรือถ่ายไม่ออก 

-เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ และผายลมบ่อย 

-ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นประจำ 

-ปวดศีรษะ คลื่นเหียนอาเจียน เวียนศีรษะ และมีไข้ต่ำตลอดเวลา 

-เหนื่อยง่าย ปากเหม็น ปากเปื่อย มีกลิ่นตัวแรง 

-เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง มีผื่นคันขึ้นตามตัว เป็นแผล และเป็นฝีบ่อยๆ 

-มีอาการหอบหืด ภูมิแพ้ เป็นลมพิษได้ง่าย 

-ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อตามกระดูก ตลอดจนรูมาตอยด์ 

-มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ 

-เป็นริดสีดวงทวาร ฯลฯ 

ถ้าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวท่าน Phyto Fiber ผลิตภัณฑ์ธัญพืชสมุนไพรจากธรรมชาติ 100% ช่วยท่านได้ 

การทำดีท็อกซ์

ทำไมต้องทำดีท็อกซ์ ?
คุณรู้ไหม การกินอาหารผิดๆ อากาศเป็นพิษที่เราหายใจเข้าไป เชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ตลอดจนความเครียด รวมทั้งปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกายของเราซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา ล้วนแต่ทำให้เกิด ท็อกซิน (TOXIN) ขึ้นในตัวเราทั้งนั้น
ท็อกซิน (Toxin) คือ พิษ 
เมื่อท็อกซินสะสมอยู่ในตัวเรามากๆเข้า ก็จะทำลายระบบภูมิชีวิต จนอาจทำให้เราเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆขึ้นได้

อาการต่างๆ เช่น ลิ้นเป็นฝ้า ตาขุ่น ปากแห้ง จมูกแห้ง ตัวร้อน หน้าตาไม่สดใส ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว คอ หลัง ไหล่ นอนไม่หลับ ฯลฯ คือสัญญาณที่บอกว่า คุณกำลังมีท็อกซินสะสมอยู่มาก
ถึงคราวต้องกำจัดท็อกซินเหล่านี้ออกเสียก่อนที่มันจะทำลายสุขภาพของคุณมากไปกว่านี้ วิธีกำจัดท็อกซินเรียกว่า ดีท็อกซิฟิเคชั่น (DETOXIFICATION) หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า "ดีท็อกซ์" 

คุณอาจเคยได้ยินว่า "ดีท็อกซ์ คือ การสวนทวาร"
ไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ
แท้จริงวิธีที่จะดีท็อกซ์หรือกำจัดท็อกซินออกจากร่างกาย มีอยู่ด้วยกัน 5 วิธี
1. การสวนทวาร 
2. การอบไอน้ำ อบซาวน่า 
3. การออกกำลัง กายบริหาร และการนวด 
4. การใช้ยา - สมุนไพร และเอนไซม์ 
5. การถ่ายเลือด (วิธีนี้ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น) 

ถ้าคิดจะกำจัดท็อกซินออกจากร่างกาย ควรทำหลายๆวิธีรวมกันค่ะถึงจะสามารถกำจัดพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญเมื่อขับท็อกซินออกไปแล้ว ต้องพยายามควบคุมท็อกซินที่จะเกิดขึ้นใหม่ให้น้อยที่สุด ด้วยการกินอาหารที่ดี (ตามสูตรชีวจิต) และไม่สะสมความเครียดค่ะสวนทวารล้างพิษคืออะไร
การสวนทวาร หรือที่มักเรียกติดปากแบบย่อๆว่า "ดีท็อกซ์" เป็นวิธีกำจัดท็อกซินออกจากร่างกายวิธีหนึ่ง โดยเฉพาะท็อกซินที่คั่งค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ ไม่ใช่ทำเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของโรค หรือเพื่อแก้อาการท้องผูก แต่อย่างใด การถ่ายอุจจาระออกมาด้วยถือว่าเป็นผลพลอยได้เท่านั้นค่ะ 
บางคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า ฉันถ่ายอุจจาระทุกวันโดยไม่ท้องผูก คงไม่มีท็อกซิน และไม่จำเป็นต้องทำดีท็อกซ์ ความจริงแล้วในลำไส้ของเราจะมีลักษณะเป็นขดซ้อนทับเป็นซอกหลืบ ลักษณะอย่างนี้เองทำให้เกิดการสะสมของของเสียในลำไส้ใหญ่ แม้ถ่ายอุจจาระทุกวันก็ไม่สามารถกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้หมด แต่การสวนล้างทวารช่วยได้ค่ะ

การทำดีท็อกซ์ต้องใช้น้ำสำหรับสวนเข้าทางทวารหนัก น้ำสำหรับดีท็อกซ์มีหลายสูตร คือ 
1. สูตรน้ำกาแฟ ของนายแพทย์แมกซ์ เกอร์สัน 
ใช้กาแฟผงบริสุทธิ์ (ชนิดไม่ปรุงแต่ง) 2 ช้อนโต๊ะ ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด แล้วกรองเอาผงออกทิ้งให้น้ำอุ่น แล้วจึงนำมาสวนท้อง กาแฟไม่ควรใช้กาแฟสำเร็จรูป เพราะจะมีส่วนผสมของเนยมากเกินไป สามารถหาซื้อกา แฟได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ เช่น ฟู้ดแลนด์ ฟูจิ, ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต อาจใช้ยี่ห้อตุงฮู อโรมา ซูซูกิ (ชนิดพรีเดียม) หรือตามร้านขายอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วๆ ไป 
2. สูตรน้ำส้มมะขาม (มะขามเปียก) 
ใช้ส้มมะขาม 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำ 
3. สูตรน้ำมะนาว 
ใช้มะนาว 3-4 ลูกคั้นน้ำ ผสมน้ำอุ่น 1 ลิตร 
4. สูตรน้ำอุ่นเปล่าๆ 
ใช้น้ำอุ่นประมาณ 1.5 ลิตร 

สูตรน้ำดีท็อกซ์ที่นิยมกันมากที่สุดคือ สูตรน้ำกาแฟ เพราะในกาแฟมี "คาเฟอีน" ที่ช่วยในการกระตุ้นให้ท็อกซินถูกขับมาตามเครือข่ายเส้นเลือดดำ ซึ่งเชื่อมโยงต่อเนื่องตั้งแต่ตับ กระเพาะ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ม้าม ลำไส้เล็ก จนถึงลำไส้ใหญ่

หมายเหตุ : ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต โรคปอด โรคลมบ้าหมู (ลมชัก) ตกเลือด และ ท้องเสียอย่างรุนแรง ไม่ควรอบสมุนไพร (ซาวน่า) ล้างพิษ



วิธีสวนทวารล้างพิษ
1. นำน้ำกาแฟ ที่อุ่นพอดีกับอุณหภูมิร่างกายของเรา (หรือน้ำดีท็อกซ์สูตรอื่นๆ) ใส่ถุง หรือหม้อสำหรับสวน โดยปิดวาวส์ที่ปลายท่อก่อนใส่น้ำกาแฟ 
2. แขวนถุงดีท็อกซ์ไว้ด้านปลายเท้าให้สูงจากพื้นประมาณ 120 ซม. (ถ้าแขวนสูงเกินไปความดันน้ำจะมากทำให้น้ำไหลเร็ว อาจกลั้นไม่อยู่ ถ้าแขวนต่ำเกินไปน้ำจะไหลช้า) 
3. เปิดวาวส์เพื่อไล่อากาศออกจากสายยาง โดยให้น้ำกาแฟไหลผ่านท่อเล็กน้อย แล้วปิดวาวส์ หลังจากนั้นให้ทาวาสลีนที่ปลายท่อประมาณ 2 นิ้ว 
4. นอนตะแคงขวา (สะโพกด้านขวาลงพื้น) เหยียดขาขวาตรง ขาซ้ายก่ายบนขาขวาเหมือนท่ากอดหมอนข้าง 
5. สอดปลายท่อที่ทาวาสลีน (หรือน้ำสบู่เหลว) เรียบร้อยแล้วเข้าทางทวารหนัก ลึกประมาณ 2 นิ้ว เปิดวาวส์ให้น้ำกาแฟเข้าจนหมด แล้วดึงท่อออกจากทวารหนัก 
6. ให้นอนหงาย เหยียดขาตรง ใช้มือนวดท้องวนจากขวาไปซ้าย (เหนือบริเวณสะดือใต้ชายโครง) อั้นให้ได้นานประมาณ 5-10 นาที แล้วลุกขึ้นถ่าย ขณะถ่ายไม่ต้องเบ่ง 
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการทำดีท็อกซ์


**หลังทำดีท็อกซ์ด้วยการสวนทวาร คุณจะรู้สึกโล่งโปร่งเบาสบายตัว แต่หากคุณมีอาการในทางตรงข้าม แสดงว่าร่างกายอาจไม่เหมาะกับการดีท็อกซ์วิธีนี้ ควรหยุดทำค่ะ 
สำหรับคุณๆที่ประสบความสำเร็จอย่างดีในการทำดีท็อกซ์ ขอแนะนำให้ทำต่อเนื่องสัก 3 หรือ 5 วัน (วันละครั้ง) เพื่อล้างพิษออกให้หมด หลังจากนั้นอาจทำเมื่อมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นไข้ ปวดเมื่อยตามตัวตามข้อ ลิ้นเป็นฝ้า ก็สามารถสวนทวารล้างพิษได้อีก 
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรทำดีท็อกซ์บ่อยเกินไป ประเภทว่าทำทุกวัน หรือทุกสัปดาห์ เพราะจะทำให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ใหญ่ของเราพลอยถูกทำลายด้วย แถมยังอาจมีผลให้ระบบขับถ่ายผิดปกติไป 

**เวลาที่เหมาะสมในการทำดีท็อกซ์คือ ตอนเช้าหลังจากเข้าห้องน้ำถ่ายเรียบร้อยแล้ว ก่อน อาหารเช้า จะทำให้กลั้นได้ดีและล้างลำไส้ได้สะอาด สบายตัว หากไม่สะดวกอาจทำช่วงสายหรือบ่ายหลังจากกินอาหารไปแล้ว 2 ชั่วโมง ไม่แนะนำให้ทำก่อนนอน เพราะจะทำให้ตื่นขึ้นมาหิวเวลากลางคืน และทำให้นอนไม่หลับ




ข้อควรระวัง : 
1. ก่อนจะสวนทวารต้องปล่อยน้ำออกจากสายยางเพื่อไล่ลมก่อน มิเช่นนั้นจะเกิดลมในช่องท้อง ทำให้อึดอัด และในกรณีคนที่ไม่กินกาแฟ อาจเกิดอาการคลื่นไส้ เวียนหัวได้ 
2. คนที่ผ่าตัดไส้ติ่ง ให้ใช้น้ำสวนท้องแค่ 800-1,000 ซี.ซี. 
3. คนที่ผ่าตัดลำไส้ใหญ่ จะมากหรือน้อย โดยเฉพาะผู้ตัดลำไส้ใหญ่และทำรูถ่ายหน้าท้อง ไม่แนะนำให้ทำดีท็อกซ์ 
4. คนที่เป็นริดสีดวงทวาร ต้องใช้เจลทาที่ทวารหนักและปลายสายยางให้มากกว่าปกติ และ หากมีบาดแผลที่ทวารหนักไม่ควรทำดีท็อกซ์

 

หมวด: สุขภาพ | Views: 1935 | เพิ่มโดย: jatuporn | Tags: ดีทอกซ์ ล้างพิษ | Rating: 0.0/0
คอมเม้นทั้งหมด: 0
ComForm">
avatar